ert-logo

Microsoft Hyper-V คืออะไร เปิดใช้งานบน Windows อย่างไร?

Microsoft Hyper-V

การเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้โลกธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว องค์กรต่าง ๆ จึงมองหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ IT เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการทรัพยากร หนึ่งในเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ของการทำงาน คือ “เทคโนโลยีการจำลองเสมือน (Virtualization)” ที่ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จาก Hardware ที่มีอยู่อย่างเต็มประสิทธิภาพ

Microsoft Hyper-V คือ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ชั้นนำในตลาด Virtualization ที่นำเสนอโซลูชันครบวงจรในการจัดการคอมพิวเตอร์เสมือน ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft Hyper-V ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรและผู้ใช้ทั่วไป วันนี้ทาง ERT จะพาไปทำความรู้กับ Microsoft Hyper-V ตั้งแต่การทำงานขั้นพื้นฐาน คุณสมบัติหลัก ตลอดจนวิธีการเปิดใช้งาน

 

Microsoft Hyper-V คืออะไร?

Hyper-V คือ เทคโนโลยีการจำลองเสมือนของ Microsoft ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการทางด้าน IT ขององค์กร เช่นเดียวกับ VMWare หรือ VirtualBox ซึ่งเป็น Software ประเภทเดียวกัน โดย Microsoft ได้นำ Hyper-V มาเป็นฟีเจอร์ของ Windows ตั้งแต่ Windows 8 ทำให้องค์กรสามารถสร้างและจัดการคอมพิวเตอร์เสมือน (Virtual Machine) บน Server หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

Microsoft Hyper-V

 

ความสำคัญของ Hyper-V

  • สร้างหรือขยายสภาพแวดล้อมของ Private Cloud มอบบริการ IT ที่ยืดหยุ่นและตอบสนองความต้องการได้มากขึ้น ด้วยการย้ายหรือขยายการใช้ทรัพยากรร่วมกัน พร้อมปรับการใช้งานตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลง
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ Hardware มากขึ้น ซึ่งจะรวม Server และภาระงานเข้าด้วยกันบนคอมพิวเตอร์จริงที่ทรงพลังน้อยกว่าแต่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อลดการใช้พลังงานกับพื้นที่น้อยลง
  • ปรับปรุงความต่อเนื่องทางธุรกิจ ลดผลกระทบจากการหยุดทำงานของระบบ ทั้งระบบที่กำหนดไว้และไม่ได้กำหนดไว้
  • สร้างหรือขยายโครงสร้างพื้นฐานเดสก์ท็อปเสมือน (VDI) ใช้กลยุทธ์เดสก์ท็อปแบบรวมศูนย์ด้วย VDI เพื่อเพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจและความปลอดภัยของข้อมูล รวมถึงช่วยให้การปฏิบัติตามข้อกำหนด การจัดการระบบปฏิบัติการ และแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อปง่ายขึ้น
  • ทำให้การพัฒนาและการทดสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างสภาพแวดล้อมการคำนวณที่แตกต่างกัน โดยไม่จำเป็นต้องซื้อหรือดูแลรักษา Hardware ทั้งหมดในองค์กร

 

Hyper-V ทำงานอย่างไร?

Hyper-V ทำงานโดยใช้ไฮเปอร์ไวเซอร์ของ Windows เป็นตัวกลางระหว่าง Hardware และ Virtual Machines ไฮเปอร์ไวเซอร์จัดสรร ควบคุมการใช้ทรัพยากร Hardware กับ Virtual Machines แต่ละเครื่อง ทำให้สามารถรันหลายระบบปฏิบัติการบนเครื่องเดียวกัน นอกจากนี้ Hyper-V ยังมีระบบจัดการแบบศูนย์รวม ช่วยในการควบคุมตรวจสอบ Virtual Machines ทั้งหมด รวมถึงยังมีฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัย การจัดการเครือข่าย และการจัดเก็บข้อมูลเสมือนที่องค์กรสามารถใช้ Hardware ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

คุณสมบัติหลักของ Hyper-V

Microsoft Hyper-V

1. สภาพแวดล้อมการประมวลผล (Computing Environment)

Virtual Machines ของ Hyper-V ประกอบด้วยส่วนประกอบต่าง ๆ เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์จริง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยความจำ, CPU, Storage และระบบเครือข่าย ส่วนประกอบเหล่านี้มีคุณสมบัติที่สามารถกำหนดค่าได้หลายวิธีเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน

2. การสำรองข้อมูลและการกู้คืน (Backup and Recovery)

Hyper-V รองรับการสำรองข้อมูลของ Virtual Machines รวมถึงการกู้คืนข้อมูลในกรณีที่เกิดปัญหา โดยการสร้างสำเนาเครื่องเสมือนเก็บไว้บนระบบจริง และใช้บริการ Volume Shadow Copy Service (VSS) ที่ช่วยให้การสำรองข้อมูลสอดคล้องกับแอปพลิเคชันสำหรับโปรแกรมที่รองรับ VSS

3. Live Migration

ด้วยฟีเจอร์ Live Migration, Storage Migration และ Import/Export ช่วยให้การย้ายเครื่อง Virtual Machines จากโฮสต์หนึ่งไปอีกโฮสต์หนึ่งง่ายขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องหยุดการทำงานของเครื่องเสมือน

4. การเชื่อมต่อระยะไกล

Hyper-V รวมเครื่องมือการเชื่อมต่อระยะไกล Virtual Machine Connection ทั้งใน Windows และ Linux ซึ่งต่างจาก Remote Desktop ที่เป็นการเข้าถึงคอนโซล ทำให้สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเครื่องเสมือนแม้ว่าระบบปฏิบัติการยังไม่ทำการบูตระบบก็ตาม

5. ด้านความปลอดภัย

Hyper-V มีระบบ Secure Boot และ Shielded Virtual Machines ที่ช่วยป้องกันข้อมูลในเครื่อง มัลแวร์ รวมถึงการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึง Virtual Machines

 

ความต้องการของระบบในการติดตั้ง Hyper-V

ก่อนเปิดใช้งาน Hyper-V ควรดูสเปกคอมพิวเตอร์ที่รองรับการทำงาน Hyper-V ก่อน โดยเบื้องต้นนั้นความต้องการของระบบในการติดตั้งต้องใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro, Enterprise, หรือ Education (64-bit) และ Windows Server 2016 หรือใหม่กว่า, CPU แบบ 64-bit, หน่วยความจำ (RAM) อย่างน้อย 4 GB, การ์ดจอที่รองรับ DirectX 11 หรือใหม่กว่า

ทางที่ดีควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ Microsoft เสมอ เนื่องจากความต้องการของระบบอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามเวอร์ชั่นของ Windows และ Hyper-V

 

วิธีเปิดใช้งาน Hyper-V

การเปิดใช้งาน Hyper-V บน Windows สามารถทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

สำหรับ Windows 10/11 Pro, Enterprise, และ Education

  • เปิด Control Panel > Programs > Turn Windows features on or off
  • จากนั้นเลือกที่ช่อง “Hyper-V” และคลิก OK
  • รีสตาร์ตคอมพิวเตอร์เพื่อให้การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์
  • หลังจากรีสตาร์ต ค้นหา “Hyper-V Manager” ในเมนู Start เพื่อเริ่มใช้งาน

สำหรับ Windows Server

  • เปิด Server Manager เพื่อเพิ่ม “Hyper-V role”
  • กำหนดค่าของ Hyper-V ตามที่ต้องการ และคลิก Next
  • จากนั้นเลือกที่ช่อง Install เพื่อเริ่มการติดตั้ง
  • รีสตาร์ตคอมพิวเตอร์เพื่อให้การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์

หลังจากรีสตาร์ตคอมพิวเตอร์แล้ว เซิร์ฟเวอร์ Hyper-V จะเปิดใช้งาน สามารถเริ่มสร้างและจัดการ Virtual Machines ผ่านทาง Hyper-V Manager

 

สรุป

Microsoft Hyper-V เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและจัดการ Virtual Machines บนระบบ Hardware เดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ไฮเปอร์ไวเซอร์เป็นตัวกลางในการจัดสรรทรัพยากรและควบคุมการทำงาน อีกทั้งยังรองรับหลายระบบปฏิบัติการ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง รวมถึงมีเครื่องมือการจัดการศูนย์รวมที่ช่วยให้การดูแลระบบง่ายขึ้น จึงเหมาะเป็นทางเลือกสำหรับองค์กรที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพทาง IT ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการระบบ

 

Ref: microsoft, microsoft, altaro

 


💬🙋‍♂️ สอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อมาได้ที่

☎ Tel: 02-718-1599

✉ Email: info@ert.co.th

📱 Line: https://lin.ee/wtyQVtl



Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

The Enterprise Resources Training Co.,Ltd. 2922/135-136, 3rd Fl. Room 331-332, Charn Issara Tower II, New Petchburi Road, Bangkapi, Huaykwang, Bangkok 10320
PRIVACY & COOKIES

© 2024 · The Enterprise Resources Training Co.,Ltd

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save