5 เคล็ดลับใช้งาน AWS อย่างคุ้มค่า ปลดล็อกศักยภาพขั้นสูงสุด
พร้อมที่จะปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของ AWS แล้วหรือยัง? หากคุณกำลังมองหาวิธีในการใช้งาน Amazon Web Services เพื่อยกระดับธุรกิจ ต้องบอกเลยว่าคุณมาถูกทางแล้วเพราะในบทความนี้เราจะพาเจาะลึกเกี่ยวกับเคล็ดลับและเทคนิคที่ช่วยให้คุณสามารถใช้ AWS ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตั้งแต่การปรับปรุงต้นทุน จัดการกระบวนการทำงานให้เหมาะสม ไปจนถึงการเพิ่มความปลอดภัยและปรับเปลี่ยนขนาดตามความต้องการ เพราะงั้นมาเริ่มต้นเรียนไปด้วยกันเลยยย
Contents
- 1 AWS คืออะไร?
- 2 5 เคล็ดลับใช้งาน AWS อย่างคุ้มค่า ปลดล็อกศักยภาพขั้นสูงสุด
- 3 สรุป
AWS คืออะไร?
Amazon Web Services หรือ AWS คือ แพลตฟอร์มการประมวลผลแบบคลาวด์ของ AWS ที่ให้บริการระบบคลาวด์ที่หลากหลายตั้งแต่การประมวลผล พื้นที่เก็บข้อมูล ฐานข้อมูล ระบบเครือข่ายและอื่น ๆ ด้วยความสามารถในการปรับเปลี่ยนขนาด ความยืดหยุ่นและความปลอดภัย ทำให้ AWS ได้กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สำคัญสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ตั้งแต่ธุรกิจเริ่มต้นไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ในปัจจุบันนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : AWS คืออะไร? ประโยชน์ของการใช้ AWS ที่คุณควรรู้!
5 เคล็ดลับใช้งาน AWS อย่างคุ้มค่า ปลดล็อกศักยภาพขั้นสูงสุด
1. การเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงต้นทุน
AWS Cost Explorer
AWS Cost Explorer เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจข้อมูลค่าใช้จ่าย ต้นทุนและการใช้งานของ AWS ในรูปแบบรายงานค่าใช้จ่าย การใช้งานและอินสแตนซ์แบบเหมาจ่าย (RI) โดยข้อมูลที่รวมอยู่ในรายงานเหล่านี้จะแสดงแผนภูมิกราฟค่าใช้จ่ายทั้งหมดและการใช้งานในทุกบัญชีหรือแต่ละอินสแตนซ์ เมื่อเข้าใจรูปแบบต้นทุนแล้วเราสามารถปรับการใช้งานให้เหมาะสมตามความต้องการเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและยังคงรักษาประสิทธิภาพการทำงานไว้ได้
เลือกประเภทบริการสร้างพื้นที่ประมวลผล EC2 ให้เหมาะสม
Amazon Elastic Compute Cloud (Amazon EC2) เป็นบริการเว็บไซต์ที่ให้พื้นที่การประมวลผลและปรับขนาดได้ในระบบคลาวด์ของ AWS โดยออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถประมวลผลแบบ Web-Scale ได้ง่ายขึ้น การเลือกใช้ประเภทบริการเว็บไซต์ที่สร้างพื้นที่การประมวลผล EC2 ให้ตรงกับความต้องการทั้งในแง่ของการประมวลผลที่เหมาะกับการแปลงโค้ดสื่อในระบบคลาวด์และเซิร์ฟเวอร์เกม
หน่วยความจำที่ออกแบบมาเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น เหมาะสำหรับปริมาณงานที่ต้องการประมวลผลชุดข้อมูลขนาดใหญ่และพื้นที่เก็บข้อมูลที่ถูกออกแบบมาสำหรับปริมาณงานที่ต้องใช้การเข้าถึงชุดข้อมูลขนาดใหญ่บนพื้นที่จัดเก็บในเครื่อง ในส่วนของค่าใช้จ่ายเราจะจ่ายตามจำนวนครั้งที่ใช้ นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายแล้วก็ไม่ต้องเจอกับความยุ่งยากในการวางแผน จัดซื้อและบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์อีกด้วย
2. การเพิ่มความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
Multi-Factor Authentication (MFA)
การใช้งาน Multi-Factor Authentication (MFA) จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นให้กับบัญชี AWS รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงในการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะใช้กระบวนการการเข้าสู่ระบบหลายขั้นตอนอย่างการสแกนลายนิ้วมือพร้อมกับการใส่รหัสหรือการส่งรหัสผ่านอุปกรณ์มือถือเพื่อยืนยันข้อมูล เป็นต้น
Identity and Access Management (IAM)
IAM ช่วยให้เราสามารถจัดการการเข้าถึงบริการและทรัพยากรต่าง ๆ ของ AWS ได้ง่ายขึ้น โดยคุณสมบัติหลักคือการจัดการสิทธิ์เพื่ออนุมัติให้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถใช้งานบริการ AWS ได้ นอกจากนี้เรายังสามารถตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของบัญชี AWS ว่ามีการป้องกันอย่างเหมาะสมหรือไม่ เช่น การตรวจสอบความปลอดภัยแบบการยืนยันตัวตนโดยใช้หลายปัจจัย (MFA) และการรักษาความปลอดภัยข้อมูลโดยใช้บริการ AWS Key Management Service (KMS) รวมถึงการใช้งาน IAM นั้นจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพราะเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่มาพร้อมกับบริการของ AWS อยู่แล้ว ซึ่งหากเราใช้บริการอื่น ๆ ของ AWS ก็จะมีการเรียกเก็บค่าบริการตามการใช้งานเท่านั้น
3. ใช้ประโยชน์จากความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่น
Auto Scaling
Auto Scaling ช่วยให้เราสามารถปรับขนาดความจุของโครงสร้างพื้นฐานได้โดยอัตโนมัติตามความต้องการ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแอปพลิเคชันของเราจะสามารถจัดการกับจำนวนความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วรวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ในขณะที่มีความต้องการต่ำอีกด้วย
AWS Lambda
AWS Lambda เป็นบริการประมวลผลแบบไร้เซิร์ฟเวอร์ที่ช่วยให้คุณสามารถเรียกใช้โค้ดได้โดยไม่ต้องมีการจัดเตรียมหรือจัดการเซิร์ฟเวอร์ นอกจากนี้ AWS Lambda ยังช่วยในเรื่องการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นอีกด้วย ดังนั้นเราไม่จำเป็นจะต้องจ่ายเงินสำหรับการรักษาทรัพยากรที่ไม่ได้ใช้งาน
4. ปรับปรุงการพัฒนาและการปรับใช้
Implement Infrastructure as Code (IaC)
ด้วย Infrastructure as Code คุณสามารถกำหนดโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ตั้งแต่การจัดเก็บกระบวนการการติดตั้งระบบไปจนถึงการ Deploy ระบบให้เป็น Automation โดยที่โค้ดจะเป็นตัวกำหนดทุกอย่าง ซึ่ง AWS มีบริการให้เลือกใช้มากมาย เช่น AWS CloudFormation และ AWS CDK ที่ช่วยจะให้คุณสามารถจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
AWS CodePipeline
AWS CodePipeline ช่วยให้การทำงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและน่าเชื่อถือมากขึ้นเพราะเป็นบริการที่รวบรวมตัวจัดการต่าง ๆ อย่าง CodeBuild, CodeCommit และ CodeDeploy เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้เราสามารถส่งมอบกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อัตโนมัติโดยกระบวนการการทำงานทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับการกำหนดขั้นตอนของเราด้วย
5. ระบบจัดการและการควบคุมทรัพยากร IT
AWS CloudFormation
AWS CloudFormation ช่วยให้เราสามารถกำหนดและจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ซึ่งช่วยลดเวลาในการจัดการทรัพยากรและมีเวลาในการโฟกัสแอปพลิเคชันที่ทำงานบน AWS ได้มากขึ้น โดยเราสามารถสร้างเทมเพลตที่ต้องการอย่าง Amazon EC2 instances หรือ Amazon RDS DB instances และให้ AWS CloudFormation ทำหน้าที่ดูแลและตั้งค่าทรัพยากรทั้งหมดโดยอัตโนมัติ
AWS Step Functions
AWS Step Functions เป็นบริการ Workflow แบบไร้เซิร์ฟเวอร์ที่ช่วยให้เราจัดการการทำงานของฟังก์ชัน AWS Lambda หลายฟังก์ชันได้ โดยเราสามารถสร้าง Workflow ที่หลากหลายพร้อมกับแก้ไขข้อผิดพลาดไปในตัวรวมถึงสามารถสร้างการทำงานใหม่ได้ด้วยการรวมฟังก์ชัน AWS Lambda เข้ากับแอปพลิเคชันแบบไร้เซิร์ฟเวอร์ นอกจากจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือแล้วยังช่วยให้การดูแลรักษาง่ายขึ้นอีกด้วย
สรุป
การปลดล็อกศักยภาพของ AWS ต้องใช้ความรู้ กลยุทธ์ และการนำไปใช้งานร่วมกัน เมื่อทำตามเคล็ดลับและคำแนะนำที่ระบุไว้ในบทความนี้ คุณจะสามารถควบคุมการทำงานทั้งหมดของ AWS ได้มีประสิทธิภาพและสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้ไปสู่ความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น
💖 สำหรับใครที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งาน AWS ทาง ERT ศูนย์ฝึกอบรมของเราก็มีคอร์สมามากมายมาแนะนำให้เพื่อน ๆ เลือกกัน ซึ่งสามารถเลือกเรียนได้ทั้งแบบ Onsite และ Classroom มีทั้งแบบ Private และ Public ด้วยนะ หากใครสนใจสามารถจิ้มลิงก์ด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดคอร์สได้เลย!! 👇👇
https://www.ert.co.th/it-training/amazon-web-services/
หรือหากใครสนใจสินค้าของ AWS ทาง ERT ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าและบริการการติดตั้ง วางระบบและบำรุงรักษามานำเสนอทุกท่านเช่นกันจิ้มที่ลิงก์เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เช่นกัน 👇👇
https://www.ert.co.th/it-service/
Ref: aws.amazon
💬🙋♂️ สอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อมาได้ที่
☎ Tel: 02-718-1599
✉ Email: info@ert.co.th
📱 Line: https://lin.ee/wtyQVtl